โบราณได้กล่าวว่า “ รู้เขา
รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” ถ้าเรารู้นิสัยของปลาแต่ละชนิดที่เราต้องการจะล่าเอาตัวมันมา
เราก็สามารถพยากรณ์ได้ว่า หมายของเราครั้งนี้จะเป็นหมายบอดหรือไม่
และจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ เพื่อนั่งเฝ้าคัน
ยิ่งเรารู้พฤติกรรมของมันมากเท่าใด มันยิ่งใกล้ตัวเรามากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ในหน้าน้ำปลาชะโดมักจะมีเป็นจำนวนมากในแหล่งน้ำต่างๆ
เพราะเป็นฤดูผสมพันธุ์ของปลาชะโด
และดีที่สุดเราไม่ควรจะไปล่าปลาชะโดแม่ลูกครอก เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไว้ให้เราในภายหน้า ควรจะเป็นการล่าปลาชะโดที่สัญจรออกเที่ยวน้ำใหม่ในฤดูฝน
ปลาชะโดมีนิสัยดุร้าย
เป็นประเภทล่าเหยื่อ มีโครงสร้างที่ธรรมชาติสร้างให้มาเหมาะกับการจู่โจม
มีแพนหางกว้างใหญ่มีกล้ามเนื้อมากกว่าครีบอื่นๆ ทั้งหมดต่อโดยตรงกับกระดูกสันหลังของมัน
แพนหางนี้ใช้ในการโบกสะบัดเพื่อว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วและสามารถทำหน้าที่เลี้ยวลดตามเหยื่อได้อย่างรวดเร็วมาก
มันมีครีบหลังหนึ่งชุด ประกอบกับครีบทวารอีกหนึ่งชุด ครีบทั้งสองนี้ช่วยในการทรงตัวอยู่ใต้น้ำ
ส่วนครีบที่หูและครีบที่อก จะทำหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วในน้ำ
และครีลดังกล่าวยังช่วยในการลดเลี้ยวใต้น้ำเป็นอย่างดี โครงสร้างต่างๆ จึงเหมาะสมกับการเป็นนักล่าที่ปราดเปรียวของมัน มันจะซุ่มลอยตัวเงียบๆ อยู่ตามกอไม้ใต้น้ำและเมื่อเหยื่อเข้ามาใกล้
ก็จะชาร์จเข้าหาเหยื่อทันที
มันจึงมักตกเป็นเหยื่อเสียเอง จากนักตกปลาที่ใช้เหยื่อปลอมล่ามัน เนื่องจากมันเป็นนักล่าโดยกำเนิด
มันจึงมีประสาทสัมผัสที่วิเศษ เช่น
มันสามารถใช้โพรงจมูกดมกลิ่นได้ดีในที่ที่มีน้ำขุ่น หรือในการล่าตอนกลางคืน
นักตกปลาบางท่านจะใช้เหยื่อที่มีกลิ่นเพื่อล่ามันในน้ำที่ขุ่น หรือในเวลาค่ำคืน
หรือใช้เหยื่อประเภทส่งเสียงได้ ก็จะยิ่งดี
เพราะมันสามารถได้ยินเสียงได้ดีจากหูที่ซ่อนอยู่ในกะโหลกของมัน
และเสียงสามารถเดินทางใต้น้ำได้ดีกว่าในอากาศถึง 5 เท่า
เสียงเหล่านี้รวมถึงการสั่นสะเทือนต่างๆ ใต้น้ำ
ปลาชะโดมีการมองเห็นคล้ายกับคน
แต่ต่างกันตรงที่ว่า มันไม่มีม่านปรับแสง Lris แบบคน ที่มีม่านปรับแสงให้พอเหมาะ แต่ปลาชะโดสามารถปรับสายตาให้เข้ากับปริมาณแสง
ด้วยวิธีใช้เซลล์ที่อยู่ในเรติน่า Retina ของมัน
ตาของมันสามารถปรับการมองเห็นได้ ในขณะที่มีแสงสว่างน้อย โดยใช้เซลล์ชนิดที่สอง
ที่มีความไวต่อแสงสามสิบเท่า เช่นในเวลากลางคืนจะเห็นภาพเป็นขาวดำ แต่ถ้าในเวลากลางวัน
หรือมีแสงสว่างมากพอ มันจะมีเซลล์อีกชนิดหนึ่งที่สมารถปรับการมองเห็นเป็นภาพสีได้
ดังนั้นการใช้เหยื่อในเวลากลางคืน
จึงไม่ต้องคำนึงถึงสีสันของตัวเหยื่อ แต่ควรใช้เหยื่อที่สามารถขยับเขยื้อนได้
และทำให้เกิดเสียงจากเหยื่อจะเหมาะกว่า เพราะในเวลากลางคืนปลาชะโดล่าเหยื่อโดยอาศัยเสียงและแรงสั่นสะเทือนมากกว่าการมองเห็น
ซึ่งมันมีสายตาสั้น
ที่พิเศษในการที่ธรรมชาติมอบให้มันมาคือ
มันสามารถปรับการมองเห็นได้เร็วกว่าปลาชนิดไม่ใช่นักล่า
ซึ่งปลาพวกนี้ต้องใช้เวลาในการปรับสายตาถึงสองชั่วโมง และด้วยเหตุนี้ปลาชะโดซึ่งเป็นประเภทนักล่า
จึงฉวยโอกาสออกล่าเหยื่อในเวลาเช้ามืด และพลบค่ำ
เนื่องจากมันสามารถปรับการมองเห็นในน้ำได้เร็วกว่าปลากินพืช
ท่านนักตกปลาก็ถือโอกาสล่าปลาชะโดได้ดีในเวลาดังกล่าวเหมือนกัน
เป็นการล่าซ้อนการล่านั่นเอง และเนื่องจากเหตุดังกล่าวในการปรับสภาพการมองเห็นของปลาชะโด บางท่านชอบส่องไฟลงไปในผิวน้ำ โดยการทำแบบนี้
จะทำให้ปลาชะโดตกใจและเตลิดหนีไปทันที
เนื่องจากความไม่คุ้ยเคยต่อแสงฉับพลันในยามค่ำคืน
เนื่องจากเซลล์ในตาของปลาชะโดในตอนนั้น มันปรับเปลี่ยนเป็นเซลล์ชนิดไวต่อแสง
แต่ถ้าเป็นแสงที่ส่องสว่างอยู่นานๆ อยู่อย่างประจำ เช่นตามเสาไฟท้องถนน
หรือตามสะพาน อาจมีปลาชะโดมากินเหยื่อเช่นสัตว์น้ำเล็กๆ ที่มาเล่นไฟนั้น ก็เพราะปลาชะโดคุ้นกับแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่นานแบบนั้น
จนปรับการมองเห็นได้แล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นแสงสว่างจากเสาไฟ
ที่อยู่ตรงถิ่นอาศัยที่อยู่ของมัน และเป็นพวกชะโดคุ้นถิ่นเสียมากกว่าชะโดต่างถิ่น โดยมันจะไม่ตื่นแสงไฟ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น